![]() |
โรค แตงกวา |
1. โรคราน้ำค้าง (Downy mildew)
หรือที่เกษตรกรนิยมเรียกว่าโรคใบลาย เกิดจากเชื้อ Psudoperonospora
ลักษณะอาการ
เริ่มเป็นจุดสีเหลืองบนใบ แผลนั้นจะขยายออกเป็นเหลี่ยมในระหว่างเส้นใบ ถ้าเป็นมากๆ แผลลามไปทั้งใบทำให้ใบแห้งตาย ในตอนเช้าที่มีหมอกน้ำค้างจัดช่วงหลังฝนตกติดต่อกันทำให้มีความชื้นสูงในบริเวณที่ปลูก จะพบว่าใต้ใบตรงตำแหน่งของแผลจะมีเส้นใยสีขาวเกาะเป็นกลุ่มและมีสปอร์เป็นผงสีดำ
เริ่มเป็นจุดสีเหลืองบนใบ แผลนั้นจะขยายออกเป็นเหลี่ยมในระหว่างเส้นใบ ถ้าเป็นมากๆ แผลลามไปทั้งใบทำให้ใบแห้งตาย ในตอนเช้าที่มีหมอกน้ำค้างจัดช่วงหลังฝนตกติดต่อกันทำให้มีความชื้นสูงในบริเวณที่ปลูก จะพบว่าใต้ใบตรงตำแหน่งของแผลจะมีเส้นใยสีขาวเกาะเป็นกลุ่มและมีสปอร์เป็นผงสีดำ
การป้องกันกำจัด
คลุกเมล็ดแตงด้วยโคโค-แม็กซ์ก่อนปลูก เมื่อมีโรคระบาดในแปลงและในช่วงนั้นมีหมอกและน้ำค้างมาก ซึ่งควรฉีดพ่นด้วยโคโค-แม็กซ์ อัตรา 5 ช้อนแกง/น้ำ 20 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 3-5 ชั่วโมง นำไปฉีดพ่นในตอนเย็น ทุก 3-5 วัน กรณีที่มีการระบาด หรือ 7-15 วัน ในกรณีใช้เพื่อเป็นการป้องกัน
คลุกเมล็ดแตงด้วยโคโค-แม็กซ์ก่อนปลูก เมื่อมีโรคระบาดในแปลงและในช่วงนั้นมีหมอกและน้ำค้างมาก ซึ่งควรฉีดพ่นด้วยโคโค-แม็กซ์ อัตรา 5 ช้อนแกง/น้ำ 20 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 3-5 ชั่วโมง นำไปฉีดพ่นในตอนเย็น ทุก 3-5 วัน กรณีที่มีการระบาด หรือ 7-15 วัน ในกรณีใช้เพื่อเป็นการป้องกัน
2. โรคใบด่าง (Mosaic)
เชื้อสาเหตุ Cucumber mosaic virus
ลักษณะอาการ
ใบด่างสีเขียวเข้มสลับสีเขียวอ่อนหรือด่างเขียวสลับเหลืองเนื้อใบตะปุ่มตะป่ำ มีลักษณะนูนเป็นระยะๆ ใบหงิกเสียรูปร่าง
ใบด่างสีเขียวเข้มสลับสีเขียวอ่อนหรือด่างเขียวสลับเหลืองเนื้อใบตะปุ่มตะป่ำ มีลักษณะนูนเป็นระยะๆ ใบหงิกเสียรูปร่าง
การป้องกันกำจัด
ในปัจจุบันยังไม่มีการใช้สารเคมีหรือวิธีการใดๆ ที่จะลดความเสียหายเมื่อโรคนี้ระบาด ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดขณะนี้คือการป้องกันไม่ให้เกิดโรค เช่น เลือกแหล่งปลูกที่ปลอดจากเชื้อไวรัส อาจทำได้โดยเลือกแหล่งปลูกที่ไม่เคยปลูกผักตระกูลแตงมาก่อนและทำความสะอาดแปลงปลูกพร้อมทั้งบริเวณใกล้เคียงให้สะอาดไม่ให้เป็นที่อาศัยของเชื้อและแมลงพาหะ เช่น เพลี้ย ไรแดง แมลงหวี่ขาว ซึ่งแมลงศัตรูพืชสามารถกำจัดได้ด้วยลาเซียน่า อัตรา 3 ช้อนแกง/น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นในตอนเย็น
ในปัจจุบันยังไม่มีการใช้สารเคมีหรือวิธีการใดๆ ที่จะลดความเสียหายเมื่อโรคนี้ระบาด ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดขณะนี้คือการป้องกันไม่ให้เกิดโรค เช่น เลือกแหล่งปลูกที่ปลอดจากเชื้อไวรัส อาจทำได้โดยเลือกแหล่งปลูกที่ไม่เคยปลูกผักตระกูลแตงมาก่อนและทำความสะอาดแปลงปลูกพร้อมทั้งบริเวณใกล้เคียงให้สะอาดไม่ให้เป็นที่อาศัยของเชื้อและแมลงพาหะ เช่น เพลี้ย ไรแดง แมลงหวี่ขาว ซึ่งแมลงศัตรูพืชสามารถกำจัดได้ด้วยลาเซียน่า อัตรา 3 ช้อนแกง/น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นในตอนเย็น
3. โรคผลเน่า (Fruit rot)
เชื้อสาเหตุ Pythium spp., Rhizoctonia solani, Botrytis cinereaมักเกิดกับผลที่สัมผัสดิน และผลที่แมลงกัดหรือเจาะทำให้เกิดแผลก่อน จะพบมากในสภาพที่เย็นและชื้น กรณีที่เกิดจากเชื้อพิเที่ยมจะเป็นแผลฉ่ำน้ำเริ่มจากส่วนปลายผล ถ้ามีความชื้นสูงจะมีเส้นใยฟูสีขาวขึ้นคลุม กรณีที่เกิดจากเชื้อไรซ๊อกโทเนียจะเป็นแผลเน่าฉ่ำน้ำบริเวณผิวของผลที่ สัมผัสดิน แผลจะเปลี่ยนจากสีน้ำตาลแก่และมีรอยฉีกของแผลด้วย ส่วนกรณีที่เกิดจากเชื้อโบทริทิ่สนั้น บริเวณส่วนปลายของผลที่เน่า จะมีเชื้อราขึ้นคลุมอยู่
การป้องกันกำจัด
ทำลายผลที่เป็นโรค อย่าให้ผลสัมผัสดิน ป้องกันไม่ให้ผลเกิดบาดแผล และควรฉีดพ่นด้วยโคโค-แม็กซ์ อัตรา 5 ช้อนแกง/น้ำ 20 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 3-5 ชั่วโมง นำไปฉีดพ่นในตอนเย็น ทุก 3-5 วัน ในกรณีที่มีการระบาด หรือ 7-15 วันในกรณีใช้เพื่อเป็นการป้องกัน
ทำลายผลที่เป็นโรค อย่าให้ผลสัมผัสดิน ป้องกันไม่ให้ผลเกิดบาดแผล และควรฉีดพ่นด้วยโคโค-แม็กซ์ อัตรา 5 ช้อนแกง/น้ำ 20 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 3-5 ชั่วโมง นำไปฉีดพ่นในตอนเย็น ทุก 3-5 วัน ในกรณีที่มีการระบาด หรือ 7-15 วันในกรณีใช้เพื่อเป็นการป้องกัน
4. โรคราแป้ง (Powdery mildew)
เชื้อสาเหตุ Oidium sp.
ลักษณะอาการ
มักเกิดใบล่างก่อนในระยะที่ผลโตแล้ว บนใบจะพบราสีขาวคล้ายผงแป้งคลุมอยู่เป็นหย่อมๆ กระจายทั่วไป เมื่อรุนแรงจะคลุมเต็มผิวใบทำให้ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วแห้งตาย
การป้องกันกำจัด
ควรฉีดพ่นด้วยโคโค-แม็กซ์ อัตรา 5 ช้อนแกง/น้ำ 20 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 3-5 ชั่วโมง นำไปฉีดพ่นในตอนเย็น ทุก 3-5 วัน ในกรณีที่มีการระบาด หรือ 7-15 วัน ในกรณีใช้เพื่อเป็นการป้องกัน
ควรฉีดพ่นด้วยโคโค-แม็กซ์ อัตรา 5 ช้อนแกง/น้ำ 20 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 3-5 ชั่วโมง นำไปฉีดพ่นในตอนเย็น ทุก 3-5 วัน ในกรณีที่มีการระบาด หรือ 7-15 วัน ในกรณีใช้เพื่อเป็นการป้องกัน
แมลงศัตรูที่สำคัญของแตงกวา
เป็นแมลงขนาดเล็ก มีสีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลแก่ พบตามยอดใบอ่อน ดอกและผลอ่อน
การทำลาย
จะดูดกินน้ำเลี้ยงที่ใบ ดอกอ่อน และยอดอ่อนททำให้ใบม้วนหงิกงอเป็นกระจุกผิดรูปร่าง มีสีขีดสลับเขียวเป็นทาง ระบาดมากในช่วงที่มีอากาศแห้งแล้ง
การป้องกันกำจัด
การรดน้ำโดยใช้บัวรดหรือฉีดด้วยสายยางให้น้ำเป็นฝอยโดนยอดในตอนเช้าและตอนเย็น รวมทั้งการรักษาความชื้นบริเวณแปลงปลูกจะช่วยลดปัญหาของเพลี้ยไฟลงได้
การรดน้ำโดยใช้บัวรดหรือฉีดด้วยสายยางให้น้ำเป็นฝอยโดนยอดในตอนเช้าและตอนเย็น รวมทั้งการรักษาความชื้นบริเวณแปลงปลูกจะช่วยลดปัญหาของเพลี้ยไฟลงได้
ใช้สารเคมีกำจัดแมลงประเภทคาร์โบฟูราน ได้แก่ ฟูราดาน 3 จี หรือ คูราแทร์ 3 จี ปริมาณ 1 ช้อนชาต่อหลุม ใส่พร้อมกับการหยอดเมล็ดจะป้องกันได้ประมาณ 2 สัปดาห์
กรณีที่เริ่มมีการระบาดให้ใช้สารเคมีกำจัดแมลง ได้แก่ พอสซ์ เมชูโรล แลนเนท ไดคาร์โซล ออลคอลอะโซดริน โตกุไทออนหรือทามารอน เป็นต้น และการฉีดพ่นสารเคมีกำจัดนั้นควรทำด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจทำให้ใบอ่อนที่ถูกดูดน้ำเลี้ยงไหม้ได้
เพลี้ยอ่อน
เป็นแมลงขนาดเล็ก ลำตัวคล้ายผลฝรั่ง มีท่อเล็กๆ ยื่นยาวออกไปทางส่วนท้ายของลำตัว 2 ท่อ เป็นแมลงปากดูด ตัวอ่อนมีสีเขียวอ่อน ตัวแก่สีดำและมีปีก
เป็นแมลงขนาดเล็ก ลำตัวคล้ายผลฝรั่ง มีท่อเล็กๆ ยื่นยาวออกไปทางส่วนท้ายของลำตัว 2 ท่อ เป็นแมลงปากดูด ตัวอ่อนมีสีเขียวอ่อน ตัวแก่สีดำและมีปีก
การทำลาย
จะดูดกินน้ำเลี้ยงที่ใบและยอดอ่อน ทำให้ใบม้วนต้นแคระแกร็น และยังเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสด้วย มักระบาดมากในช่วงอากาศร้อนและแห้ง โดยมีมดเป็นตัวนำพาเพลี้ยอ่อนมา
การป้องกันกำจัด
ใช้วิธีเดียวกับการป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟ
ไรแดง
ไม่ได้เป็นแมลงแต่เป็นสัตว์ที่มี 8 ขา มีขนาดเล็กมากมองเห็นเป็นจุดสีแดง
ไม่ได้เป็นแมลงแต่เป็นสัตว์ที่มี 8 ขา มีขนาดเล็กมากมองเห็นเป็นจุดสีแดง
การทำลาย
จะดูดน้ำเลี้ยงที่ใบและยอดอ่อนทำให้ใบเป็นจุดด่างมีสีซีด จะอาศัยอยู่ใต้ใบและเข้าท้าลายร่วมกับเพลี้ยไฟและเพลี้ยอ่อน มักระบาดมากในช่วงอากาศร้อนและแห้ง
การป้องกันกำจัด
การรดน้ำโดยใช้บัวหรือฉีดด้วยสายยางให้น้ำเป็นฝอยโดนยอดตอนเช้า และตอนเย็น รวมทั้งการรักษาความชื้นบริเวณแปลงปลูกจะช่วยลดปัญหาของไรแดงลงได้ กรณีที่เริ่มมีการระบาดให้ใช้สารเคมีกำจัดแมลง ได้แก่ เดลเทน ไตรไทออน หรือโดไมท์ เป็นต้น
เต่าแตงแดงและเต่าแตงดำ
เป็นแมลงปีกแข็งปีกขนาดเล็กยาวประมาณ 0.5-0.8 เซนติเมตร มีสีส้มแดงและสีดำเข้ม อาศัยอยู่ตามกอข้าวที่เกี่ยวแล้วในนาหรือตามกอหญ้า
เป็นแมลงปีกแข็งปีกขนาดเล็กยาวประมาณ 0.5-0.8 เซนติเมตร มีสีส้มแดงและสีดำเข้ม อาศัยอยู่ตามกอข้าวที่เกี่ยวแล้วในนาหรือตามกอหญ้า
การป้องกันกำจัด
ควรทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของแมลงรวมทั้งเศษซากแตงกวาหลังการเก็บเกี่ยว หรือใช้สารเคมีฉีดพ่น ได้แก่ เซฟวินคาร์โบน๊อกซี-85 หรือไบดริน หรือใช้สารเคมีชนิดเม็ด เช่น ฟูราดาน 3 จี หรือคูราแทร์ 3 จี ใส่ลงไปในหลุมปลูกพร้อมกับการหยอดเมล็ด จะป้องกันเต่าแตงได้ประมาณ 2 สัปดาห์
หนอนกินใบแตงและหนอนไถเปลือกหรือหนอนเจาะผล
หนอนกัดกินใบแตง มีรูปร่างเรียวยาวประมาณ 2 เซนติเมตร สีเขียวอ่อน ตรงกลางสันหลังมีเส้นแถบสีขาวตามยาว 2 เส้น เมื่อตัวเต็มวัยจะเป็นผีเสื้อที่มีปีกโปร่งใสตรงกลาง ส่วนหนอนเจาะผลมีขนาดใหญ่กว่า ลำตัวยาวสีเขียวอ่อนถึงสีน้ำตาลดำ มีรอยต่อปล้องชัดเจน
หนอนกัดกินใบแตง มีรูปร่างเรียวยาวประมาณ 2 เซนติเมตร สีเขียวอ่อน ตรงกลางสันหลังมีเส้นแถบสีขาวตามยาว 2 เส้น เมื่อตัวเต็มวัยจะเป็นผีเสื้อที่มีปีกโปร่งใสตรงกลาง ส่วนหนอนเจาะผลมีขนาดใหญ่กว่า ลำตัวยาวสีเขียวอ่อนถึงสีน้ำตาลดำ มีรอยต่อปล้องชัดเจน
การทำลาย
จะกัดกินใบ ไถเปลือกเป็นแผลและเจาะผลเป็นสาเหตุให้โรคอื่นๆ เข้าทำลายต่อได้ เช่น โรคผลเน่า
จะกัดกินใบ ไถเปลือกเป็นแผลและเจาะผลเป็นสาเหตุให้โรคอื่นๆ เข้าทำลายต่อได้ เช่น โรคผลเน่า
การป้องกันกำจัด
ฉีดพ่นด้วยสารเคมี เช่น อโซดริน แลนเนททามารอน โตกุไอออน หรือ อะโกรน่า เป็นต้น
ฉีดพ่นด้วยสารเคมี เช่น อโซดริน แลนเนททามารอน โตกุไอออน หรือ อะโกรน่า เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น