วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

โรคข้าวโพด




โรคราน้ำค้าง (Peronosclerospora sorghi)
             เข้าทำลายข้าวโพดตั้งแต่งอกจนถึงอายุประมาณ 1 เดือน ในระยะที่มีฝนตกชุก ลักษณะอาการเป็นทางยาวสีเหลืองแคบ ๆ ไปตามความยาวของใบ หรือเป็นแบบsystemic เห็นเป็นทางลายสีเหลือง เขียวอ่อน เขียวแก่ สลับกันเป็นทางยาว เมื่อนานเข้า รอยสีเหลืองจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเกิดเป็นอาการใบไหม้ แห้งตายในที่สุด บริเวณผิวใบ โดยเฉพาะด้านล่างจะมีเส้นใยสีขาวของเชื้อรา จับเป็นฝ้าเห็นได้ชัดเจนในตอนเช้าตรู่ซึ่งมีน้ำค้างจัด ลำต้นแคระแกรน ต้นเตี้ย ใบผอม ข้อสั้น ฝักมักมีขนาดเล็กลง เมล็ดติดน้อยหรือไม่ติดเลย ช่อดอกหรือยอดอาจจะแตกเป็นพุ่ม
“ โรคราน้ำค้าง (Downy Mildew) ” หรือโรคใบลาย เป็นโรคที่ทำความเสียหายให้แก่ข้าวโพดอย่างใหญ่หลวง ทำให้ผลผลิตของข้าวโพดลดลงมาก บางครั้งทำให้การปลูกข้าวโพดไม่ได้ผลเลย
โรคราน้ำค้าง เกิดจากเชื้อรา Peronospora manshurica (Aoum) syd.ex Gaum พบครั้งแรกที่จังหวัดนครสวรรค์เมื่อปี 2511 และในปีต่อมาได้ระบาดไปพื้นที่อื่นๆ อย่างรวดเร็ว ขณะนี้มีพบระบาดเกือบทุกจังหวัดที่มีการปลูกข้าวโพด ซึ่งโรคนี้เป็นได้กับข้าวโพดทุกสายพันธุ์ เช่น พันธุ์ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดเทียน ข้าวโพดข้าวเหนียว และพันธุ์พระพุทธบาท 5 เป็นต้น
อาการของโรค เห็นได้ค่อนข้างชัดเจน ถึงแม้จะมีอาการของโรคบางชนิดเหมือนอาการขาดอาหารพืชบางอย่าง แต่ก็มีความแตกต่างเห็นได้ง่าย และถ้ามีโอกาสเห็นจากของจริงเพียงครั้งเดียวก้จำได้ อาการที่สำคัญของโรคดังนี้
  1. บริเวณใบข้าวโพดตามทางยาวจะมีทางลายสีเหลือง สีเขียวอ่อน และสีเขียวแก่สลับกันอย่างไม่เป็นระเบียบ อาการนี้จะปรากฏเมื่อข้าวโพดมีอายุตั้งแต่ 1 สัปดาห์ขึ้นไป และเมื่อเป็นนานเข้าตามรอยที่มีสีเหลืองอาจเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และมีอาการใบไหม้แห้งตายในที่สุด
  2. บริเวณผิวใบที่มีอาการผิดปกติโดยเฉพาะด้านล่าง จะมีใยสีขาวเป็นเชื้อราจับเป็นฝ้าคล้ายหยากไย่ มองเห็นชัดด้วนตาเปล่า และจะพบมากในเวลาใกล้รุ้ง ซึ่งมีน้ำค้างมากและอากาศค่อนข้างเย็น
  3. ข้าวโพดต้นจะมีปล้องสั้นลง มีฝักดกบางที่มีมากกว่า 5 ฝัก แต่เป็นฝักที่ไม่ติดเมล็ด มีแต่เปลือกที่มีลักษณะคล้ายใบและต้นข้าวโพดจะเล็กแคระแกรน
  4. ข้าวโพดบางต้นจะมีปล้องยาวชะลูด ทำให้มีลำต้นสูงกว่าปกติ ใบและขนาดของฝักก็จะยาวผิดปกติ แต่เป็นฝักที่ไม่ติดเมล็ด
  5. ดอกตัวผู้ซึ้งอยู่ที่ปลายต้นของข้าวโพดบางต้น จะแตกแขนงออกเป็นใบเล็กๆ เป็นช่อมีลักษณะคล้ายไม้กวาดหรือหญ้าหงอนไก่ และจะไม่มีฝัก
Downy Mildew 1Downy Mildew 2
สภาพที่เหมาะแก่การระบาดและแพร่เชื้อของโรคราน้ำค้าง
  1. เชื้อโรคนี้จะระบาดลุกลามได้ดีในระยะที่ฝนตกชุก ดินและอากาศมีความชุมชื้นสูง หรือดินมีน้ำขังและช่วงใกล้ๆ รุ่งสว่าง ซึ่งมีน้ำค้างตกชุกและอากาศค่อนข้างเย็นจัด
  2. เชื้อโรคจะปลิวไปตามลม ฉะนั้นต้นและใบข้าวโพดที่กำลังแสดงอาการโรคนี้จะเป็นแหล่งแพร่เชื้ออย่างดี ส่วนใหญ่เชื้อโรคจะเข้าทำลายต้นข้าวโพดในระยะตั้งแต่เริ่มงอกจนถึงอายุประมาณ 1 เดือนแต่บางทีก็แก่กว่านี้
  3. เชื้อโรคอาจจะอาศัยข้ามปีอยู่ในรากของต้นข้าวโพดที่เคยเป็นโรค ทั้งพวกที่อยู่บนดินหรือไถ่กลบอยู่ใต้ดิน
  4. เชื้อโรคอาจอาศัยข้ามปีอยู่ในวัชพืชพื้นเมือง เช่น อ้อ พง แขม เดือยน้ำ หญ้าหางหมาขาว ข้าวฟ่างหางกระรอก เป็นต้น ที่ขึ้นอยู่ในแปลงหรือใกล้เคียงกับแปลงข้าวโพด พืชเหล่านี้เมื่อเป็นโรคราน้ำค้างจะมีอาการคล้ายคลึงกับอาการของข้าวโพด
วิธีป้องกันและรักษา
  1. ควรปลูกข้าวโพดตั้งแต่ต้นฤดู ไม่ควรปลูกข้าวโพดในระยะที่มีฝนตกชุกจนเกินไป หรือปลูกปลายฤดูฝน (หลังกรกฏาคม) และไม่ควรปลูกข้าวโพดในบริเวณที่มีน้ำขังและระบายน้ำไม่ได้ เพราะเชื้อโรคนี้ระบาดได้ง่ายในสภาพเช่นนั้น
  2. ในเขตที่ไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน ควรศึกษาให้รู้จักกับอาการของโรคนี้ ถ้าหากพบเพียงจำน้อยให้ถอนทิ้งแล้วนำไปเผาไฟเสีย ข้าวโพดที่เป็นโรคนี้จะแสดงอาการให้เห็นในระยะ 1-6 สัปดาห์หลังจากงอก จึงควรหมั่นตรวจแปลงอยู่เสมอ
  3. เมล็ดพันธุ์ที่ใช้ควารเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ตากแห้งสนิท
  4. ควรปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์ที่มีความงอกสูงและแข็งแรง
  5. ไม่ควรนำเมล็ดพันธุ์มาจากเขตปลูกข้าวโพดที่มีการระบาดของเชื้อโรค
  6. เนื่องจากต้นข้าวโพดอ่อนจะติดเชื้อได้ง่ายมาก ฉะนั้นหากบริเวณรัศมีโดยรอบมีต้นข้าวโพดหรือพืชชนิดอื่นที่ขึ้นเอง หรือหลงค้างแปลงอยู่กำลังเป็นโรคนี้ จะต้องทำลายหรือไถ่ทิ้งให้หมดเสียก่อน หรือถ้าพบว่าบริเวณใกล้เคียงมีไร่ข้าวโพดของเพื่อนบ้านเป็นโรคนี้จำนวนมากไม่ควรปลูกข้าวโพดระยะนั้นเด็ดขาด ควรปลูกพืชอื่นแทน
  7. สามารถปฏิบัติได้ควรเปลี่ยนแปลงข้าวโพดที่เคยเป็นโรคราน้ำคางเมื่อฤดูที่แล้วไปปลูกพืชชนิดอื่นแทน เช่น ข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง และถั่วเขียว เป็นต้น
  8. ใช้พันธุ์ต้านทาน ปัจจุบันพบว่า ข้าวโพดพันธุ์สุวรรณ 1 พันธุ์สุวรรณ 2 และพันธุ์ไทย DMR 6 เป็นพันธุ์ที่ต้านทานต่อโรคราน้ำค้างดีกว่าพันธุ์อื่นๆ
  9. ใช้ยาเคมี เอพรอน 35% คลุกเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดก่อนปลูกในอัตรายาเคมี 7 กรัม ต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม 
เรียบเรียงโดย นักวิชาการฝ่ายโรคพืช กองป้องกันกำจัดศัตรูพืช กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, พิมพ์ครั้งที่ 5 ฉบับที่ 4/2524

โรคราสนิม (Puccinia polysora)
             
ปัจจุบันเป็นโรคที่มีความสำคัญที่สุด ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตข้าวโพดที่มีการปลูกอย่างต่อเนื่อง เข้าทำลายข้าวโพดในระยะออกดอก รุนแรงที่สุดในฤดูปลายฝน (ส.ค. – พ.ย.) ลักษณะแผลเป็นตุ่มสีน้ำตาลแดงนูนจากผิว ลักษณะแผลค่อนข้างกลมถึงรูปไข่ แผลจะนูนทั้งสองด้านของใบ เมื่อเกิดมากขึ้นจะดันโป่งออก เมื่อเจริญเต็มที่ตรงกลางแผลก็จะปริแยกออก สีส้มคล้ายสนิมเหล็ก ใบข้าวโพดที่เกิดแผลมากขึ้นจะซีดเหลืองและแห้งในที่สุด ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสม พันธุ์อ่อนแอ ใบจะไหม้แห้งภายใน 1 สัปดาห์

โรคใบไหม้แผลเล็ก (Bipolaris maydis)

             เข้าทำลายข้าวโพดได้ทุกระยะการเจริญเติบโต สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สภาพอากาศร้อนชื้น ลักษณะอาการแผลจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามความยาวของใบ ขอบแผลเป็นสีน้ำตาลแดงไม่เรียบสม่ำเสมอ และถูกจำกัดด้วยเส้นใบ เมื่อเป็นหลาย ๆ แผลเกิดติดต่อกันจะทำให้เกิดใบไม้ นอกจากนี้ ยังเป็นได้กับส่วนอื่น ๆ อีก เช่น กาบใบ กาบฝัก ลำต้น และฝัก

โรคใบไหม้แผลใหญ่ (Bipolaris turcica)
เข้าทำลายข้าวโพดในระยะออกดอก รุนแรงที่สุดในฤดูแล้ง (ธ.ค. – มี.ค.) แต่ปัจจุบันเข้าทำลายได้ทุกฤดู ลักษณะอาการระยะแรกจะเหมือนกับใบไหม้แผลเล็ก ต่อมาขยายใหญ่ขึ้น เนื้อเยื่อบริเวณแผลเริ่มแห้งตายเป็นสีน้ำตาล หรือสีเขียวเทา ลักษณะแผลไม่ถูกจำกัดด้วยเส้นใบ ขอบแผลเรียบสม่ำเสมอ เมื่อเกิดแผลติดต่อกันหลาย ๆ แผลทำให้ใบไหม้ไปทั้งใบได้

โรคใบจุด (Bipolaris zeicola)
             เป็นโรคที่สำคัญโรคหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเข้าทำลายข้าวโพดในฤดูแล้ง (ธ.ค. – มี.ค.) สามารถเข้าทำลายได้ทุกส่วนของข้าวโพดและทุกระยะการเจริญเติบโต ตั้งแต่ต้นเล็กจนถึงระยะออกดอก อาการที่ใบจะเป็นจุดสีเหลืองถึงสีน้ำตาลขนาดเล็ก มีวงแหวนสีเหลืองล้อมรอบ เมื่อมีหลาย ๆ แผลติดกันทำให้ใบไหม้ไปทั้งใบได้

โรคใบจุดสีน้ำตาล (Physoderma maydis)       




โดยปกติพบได้ทั่วไปบริเวณเส้นกลางใบ จะเห็นเป็นจุดสีน้ำตาลเข้ม ภายหลังเชื้อเข้าทำลายจะทำให้ใบหักพับ แต่ในพันธุ์ที่อ่อนแอ แผลจะเกิดขึ้นบนพื้นที่ใบจะเห็นรอยจุดติด ๆ กันเป็นปื้นสีน้ำตาลเข้มทำให้ใบไหม้ นอกจากนั้นจะเห็นที่กาบใบ ลำต้น เปลือกหุ้มฝัก และช่อดอก อาการจะรุนแรงระยะออกดอก ทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก







โรคกาบและใบไหม้ (Rhizoctonia solani)   


 เข้าทำลายข้าวโพดได้ทุกระยะการเจริญเติบโต ตั้งแต่ระยะกล้า โคนต้นมีลักษณะช้ำฉ่ำน้ำ ลำต้นหักพับ ระยะต้นโต เชื้อรานี้เข้าทำลายได้ทุกส่วนของข้าวโพด ใบ กาบใบ กาบฝัก เปลือกหุ้มฝัก ลักษณะแผลบนใบ มีลักษณะซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ขอบสีน้ำตาลและไหม้แห้ง ใต้ใบบริเวณแผลจะเห็นเส้นใย อัดเม็ดกลม ๆ กระจายอยู่ทั่วไป



โรคไวรัส SCMV & MDMV
             SCMV คือ โรคไวรัสใบด่างอ้อย ลักษณะอาการ ใบด่างเป็นขีดเล็ก ๆ สีขาว หรือเหลืองสลับเขียว ขนานไปกับเส้นกาบใบ ในระยะต้นโต ที่ฝักข้าวโพดจะพบเปลือกเป็นสีขาวตั้งแต่ฝักเล็กจนถึงฝักใหญ่
             MDMV คือ โรคไวรัสใบด่างแคระ ลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ ประตามความยาวของใบ โดยเฉพาะที่ใบอ่อน ถ้าเป็นในระยะต้นเล็ก จะทำให้ต้นแคระแกรน ข้อสั้น ใบเขียวเข้ม ถ้าเข้าทำลายในระยะต้นโต จะทำให้ใบเหลืองซีด ชะงักการเจริญเติบโต

โรคลำต้นเน่า (Fusarium moniliforme)
             



โรคนี้เข้าทำลายทั้งต้นอ่อน ต้นแก่ และฝัก อาการที่ฝักจะเห็นเส้นใยสีขาวเน่าไปทั้งฝักได้ ที่ลำต้นภายหลังเชื้อเข้าทำลาย ต้นจะเหี่ยว ดูลักษณะภายนอกลำต้นปล้องล่าง ๆ จะเห็นเป็นขีด ๆ รอบลำต้น ฉีกลำต้นดูเนื้อเยื่อภายในจะเป็นสีชมพู ถ้าความชื้นเหมาะสม ส่วนที่ถูกทำลายจะเป็นสีม่วง ขณะต้นเริ่มแสดงอาการ เหี่ยว ใช้มือโยกลำต้นจะหักบริเวณโคนต้น และต้นจะแห้งตาย



ชื่อการค้า
ชื่อสามัญ
อัตรา(กรัม / น้ำ 20 ลิตร)
ระยะเวลาที่ spray (อายุพืช)
บริษัท
โรคใบไหม้แผลเล็ก (southern leaf blight) เข้าทำลายทุกระยะการเจริญเติบโต
Zinfez
Antracol 70 % WP
Benlate
Zineb
Propineb
Benomyl
40
20
20
28,35,45 และ 52
บ.เอฟ.อี.ซิลลิค
บ. ไบเออร์
บ. ดูปองต์
โรคใบจุด (carbonum leat spot) เข้าทำลายทุกระยะการเจริญเติบโต
Siam - maneb 80 % WP
ไซมอกซา
Manganese - ethylenebis
45
40
28,35,45 และ 52

บ. สยามแอ็ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
โรคใบไหม้แผลใหญ่ (northern leaf blight) เข้าทำลายในระยะออกดอก
Lonacol
Zinfez
Antracol 70 % WP
Zineb
Zineb
Propineb
40
40
30
ปกติ 42 และ 49 วัน
ฤดู Dry season ให้ spray
ที่ 35 และ 42
บ. ไบเออร์
บ. เอฟ.อี.ซิลลิค
บ. ไบเออร์
โรคราสนิม (rust) เข้าทำลายในระยะออกดอก
Score 250
อามูเล่ 300 อีซ
ECdifenoconazole
โพรพิโคนาโซล + ไดฟีโนโคนาโซล
5 ซีซี
15 ซีซี
ปกติ 42 และ 49 วัน ฤดู Late rainy season ให้ spray ที่ 35 และ 42 วันบ. ซินเจนทา
บ. ซินเจนทา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น